
รถไฮบริดหรือรถไฟฟ้า ทางเลือกไหนที่ใช่สำหรับคุณ?
รถไฮบริดหรือรถไฟฟ้า รถอะไรที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด? เป็นคำถามที่หาคำตอบง่าย แต่ยากในการตัดสินใจ เพราะรถ 2 ประเภทนี้ ต่างก็มีจุดเด่นเฉพาะตัว มีความประหยัดพลังงานด้วยกันทั้งคู่ แตกต่างกันในเรื่องของแหล่งพลังงานหลัก ในยุคที่รถไฮบริดและไฟฟ้าเข้ามามีอิทธิพลในวงการรถเป็นอย่างมาก อีกทั้งเป็นยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขึ้นชื่อในเรื่องของการประหยัดพลังงานและความคุ้มค่า เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็ว และตัวเลือกที่หลากหลายอาจทำให้การตัดสินใจกลายเป็นเรื่องยาก ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจไว้ที่บทความนี้ มีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย!
รถยนต์ไฮบริด (Hybrid)
เราอาจได้ยินคำว่ารถ Hybrid มาสักพักหนึ่งแล้ว ซึ่งรถยนต์ไฮบริดคันแรกถูกผลิตขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1899 โดยใช้กระบวนการสันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยในการขับเคลื่อน แต่ยังไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ ต่อมาจึงได้พัฒนาคิดค้นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ทำให้รถยนต์ไฮบริดสามารถทำงานเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รถยนต์ไฮบริดจึงกลับมาเป็นกระแสอีกครั้งในช่วง ค.ศ 1997 นับตั้งแต่นั้นมาก็ถูกพัฒนาและออกแบบให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันรถยนต์ไฮบริดนับว่าเป็นทางเลือกที่กำลังเป็นที่สนใจ ด้วยรูปแบบการดึงพลังงานมาใช้ ความเหมาะสม ความประหยัด จึงทำให้เป็นน่าที่จับจองเป็นเจ้าของ
การทำงานของระบบไฮบริด
หลักการทำงานของรถยนต์ไฮบริด คือ การทำงานผสมผสานระหว่างการสันดาปจากการใช้น้ำมันและมอเตอร์ไฟฟ้าจากอัตราความเร็วสูง เครื่องยนต์ก็จะทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้า เพื่อเพิ่มกำลังในการขับเคลื่อน และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ต่างกับการขับขี่อัตราความเร็วต่ำ รถจะนำพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้เป็นหลัก และทุกครั้งเมื่อมีการชะลอก็จะนำพลังงานนั้นมาสะสมไว้ในแบตเตอรี่อยู่เสมอ (Regenerative Braking) ซึ่งการทำงานของระบบไฮบริด สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
- ไฮบริดแบบเต็มระบบ (Full Hybrid) เป็นระบบที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์ สามารถเคลื่อนที่ด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในระยะทางอันสั้น และมีความเร็วต่ำ
- ไฮบริดแบบอ่อน (Mild Hybrid) ไม่สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าได้เพียงอย่างเดียว จึงทำงานควบคู่ระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
- ไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก (Plug-in Hybrid) สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ ทำให้รถมีกำลังไฟฟ้าเพิ่มขึ้น สามารถเดินทางได้ในระยะทางที่ไกลยิ่งขึ้น
ข้อดีและข้อเสียของรถยนต์ไฮบริด
ไฮบริดมีจุดเด่นในเรื่องของความสะดวกสบาย ฟังดูเหมือนได้เปรียบกว่ารถไฟฟ้านิดหน่อย เนื่องจากถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง
ข้อดี
- ประหยัดน้ำมัน เนื่องจากรถทำงาน 2 ระบบควบคู่กัน
- มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามีอัตราเร่งดี
- ไม่จำเป็นต้องชาร์จไฟจากข้างนอก
- มีความสะดวกในการใช้งาน ทั้งการขับขี่ระยะยาวและระยะสั้น
ข้อเสีย
- ระบบการทำงานมีความซับซ้อน
- ค่าบำรุงรักษามีราคาสูงกว่าทั่วไป
- ราคารถยนต์สูง
- มีค่าใช้จ่ายด้านค่น้ำมันชื้อเพลิง
รถยนต์ไฟฟ้า (EV)
รถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle ที่กำลังเป็นกระแสมาก ๆ ในช่วงนี้ เป็นรถที่สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แทนน้ำมันเชื้อเพลิง 100% มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยมลพิษ แท้จริงแล้วรถไฟฟ้าถูกสร้างขึ้นในช่วงประมาณเดียวกับรถไฮบริด แต่ยังไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร เนื่องจากสมัยก่อนมีการค้นพบแหล่งน้ำมันดิบอยู่มาก จึงทำให้ผู้คนมีความตื่นเต้นต่อการใช้รถยนต์ทั่วไปมากกว่า อย่างไรก็ตามรถไฟฟ้าได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และกลับมามีบทบาทในวงการรถอีกครั้งหนึ่ง และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหลายประเทศ
หลักการทำงานของระบบไฟฟ้า
การทำงานของรถระบบไฟฟ้านับว่าเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก เนื่องจากมีความซับซ้อนกว่าทุกระบบที่มี แหล่งพลังงานส่วนมากจึงกำเนิดมาจากแบตเตอรี่ ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดเก็บกระแสไฟโดยตรง ผลิตจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน อายุการใช้งานจึงไม่ได้ยาวนานเท่าไหร่ มีการแปลงพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ จากไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ สามารถแบ่งประเภทรถไฟฟ้า ดังนี้
- รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle หรือ BEV): ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการเหยียบเบรก รถจะเปลี่ยนพลังงานเก็บไว้ในแบตเตอรี่ จำเป็นต้องชาร์จไฟจากสถานีจ่ายไฟ
- รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle หรือ HEV): ทำงานควบคู่ 2 ระบบภายใน คือกันสันดาปแต่เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ความพิเศษของระบบนี้คือจะทำงานสลับกันไปมาตามสถานการณ์ที่ขับขี่ โดยวิเคราะห์จากอัตราจากความเร็วในแต่ละสถานการณ์ และไม่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้
- รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle หรือ PHEV): ลูกผสมระหว่าง HEV และ BEV มีทั้งการสันดาและมอเตอร์ไฟฟ้า จุดเด่น คือ สามารถชาร์จไฟจากข้างนอกได้ มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า รถสามารถสลับการใช้งานระหว่างโหมดไฟฟ้าหรือไฮบริดได้อย่างลงตัว
ข้อดี – ข้อเสีย ของรถยนต์ไฟฟ้า
สุดยอดขุมพลังแห่งความประหยัด ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่ต้องใช้น้ำมัน กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากทั่วโลก จึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้าถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ สำหรับการเลือกซื้อรถสักคัน
ข้อดี
- ลดอัตราการปล่อยมลพิษทางอากาศ
- ประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิง
- มีอัตราเร่งที่ดีกว่า
ข้อเสีย
- สถานีชาร์จไฟยังมีน้อย
- ต้องวางแผนการเดินทางทุกครั้ง
- ระยะทางการเดินทางขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่
- การชาร์จไฟใช้เวลานานกว่า
ระหว่างรถไฮบริดหรือรถไฟฟ้า เลือกแบบไหนดี?
แน่นอนว่าหลายคนกำลังตั้งคำถาม ว่าเราเหมาะกับรถแบบไหนมากกว่ากัน ถ้าให้ประเมินอย่างผิวเผินแล้ว รถยนต์ทั้ง 2 ประเภทมีความคล้ายคลึงกัน แต่ก็ยังมีข้อแตกต่างบางประการอยู่มาก จุดประสงค์ในการใช้งานจึงต่างกันอยู่นิดหน่อย “ลักษณะการใช้งาน” คือ ปัจจัยแรกที่ควรนำมาประกอบการตัดสินใจ และปัจจัยอื่นอีกมากมาย เพิ่มการตัดสินในระการงรถไฮบริดหรือรถไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
- การใช้งาน ควรวิเคราะห์จากพฤติกรรมการใช้รถในชีวิตประจำวัน และโอกาสอื่นที่สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย อาทิ การขับขี่ในเมือง ระยะการเดินทาง เพราะรถไฮบริดสามารถขับได้ในระยะทางที่ไกลกว่ารถไฟฟ้า แต่รถไฟฟ้าก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการขับขี่ในเมือง
- ค่าใช้จ่าย นอกจากค่าใช้จ่ายในการซื้อรถควรคำนึงถึงค่าบำรุงรักษาด้วย เนื่องจากรถยนต์ทั้ง 2 ระบบนี้ ต่างก็ต้องการบำรุงรักษาเหมือนรถยนต์ทั่วไป รถไฮบริดอาจต้องมีค่าใช้จ่ายในด้านของค่าน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มมา
- ความสะดวกสบาย ตามที่เราเห็นในกระแสโซเชียล จะสังเกตว่ารถไฟฟ้าค่อนข้างมีปัญหาในการชาร์จไฟตามสถานีต่างๆในช่วงเทศกาล เพราะจุดชาร์จไฟยังมีน้อยมาก และไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงทำให้รถไฮบริดค่อนข้างได้เปรียบในจุดนี้มากกว่า เพราะระบบไฮบริดไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากข้างนอก
- เทคโนโลยีความปลอดภัย ทั้ง 2 มีประสิทธิภาพในด้านของความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม อาจมีจุดขายที่แต่ละค่ายรถพัฒนามาให้ นอกจากวิเคราะห์การใช้งาน ค่าใช้จ่าย ความสะดวกสบาย ในด้านของเทคโนโลยีความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่ต่างกัน
เปรียบเทียบระหว่างรถไฮบริดและรถไฟฟ้า
นวัตกรรมการขับขี่ที่ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกลายมาเป็นรถระบบไฮบริดที่ทำงานควบคู่ระหว่างเครื่องยนต์และไฟฟ้า และรถไฟฟ้าที่ไม่ต้องอาศัยพลังงานจากเชื้อเพลิงเลย มีข้อได้ เปรียบและข้อเสียเปรียบ ซึ่งเราได้สรุปการเปรียบเทียบ ข้อแตกต่างระหว่างรถไฮบริดหรือรถไฟฟ้า เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อรถยนต์คู่ใจในอนาคต
การขับเคลื่อน
- รถไฮบริด: ขับเคลื่อนด้วยระบบสันดานภายในเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
- รถไฟฟ้า: ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100%
แหล่งพลังงาน
- รถไฮบริด: มีแหล่งพลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้า
- รถไฟฟ้า: พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เท่านั้น
ระยะทางการขับขี่
- รถไฮบริด: เหมาะสำหรับการเดินทางในระยะไกล เพราะรถสามารถเคลื่อนตัวด้วยระบบเชื้อเพลิงและไฟฟ้า
- รถไฟฟ้า: สำหรับการใช้งานในเมือง ขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่
ค่าใช้จ่าย
- รถไฮบริด: ค่าบำรุงรักษาสูง และมีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเชื้อเพลิง
- รถไฟฟ้า: ค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟต่ำมาก สบายกระเป๋าเลยแหละ!
ความเหมาะสมในการใช้งาน
- รถไฮบริด: เหมาะสำหรับการเดินทางในระยะทางสั้นและไกล ระบบไฮบริดจะช่วยให้รถประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น ช่วยเซฟค่าน้ำมันในกระเป๋าได้ระยะยาว
- รถไฟฟ้า: ขับทางไกลหรือใกล้ก็ได้ แต่จำเป็นต้องวางแผนการเดินทางก่อนทุกครั้ง โดยเฉพาะการเดินทางไปต่างจังหวัด ที่สถานีชาร์จไฟอาจไม่ได้มีตลอดเส้นทาง
ในปี 2025 การเลือกซื้อรถสักคัน เป็นเรื่องที่ควรเอาใจใส่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะปัจจุบันที่มีตัวเลือกหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์ที่กำลังเป็นจุดสนใจในตอนนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนไม่รู้จักรถไฮบริดหรือรถไฟฟ้า ทั้งสองต่างก็มีจุดดีและจุดด้อยที่ต่างกันออกไป ควรเลือกรถให้เหมาะสมกับการใช้งานและปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้อง เพราะรถคันนึงเฉลี่ยอายุการใช้งานได้หลายปี แต่ในระหว่างทาง เราจำเป็นต้องบำรุงรักษาเป็นประจำอยู่ทุกปี
ขอบคุณข้อมูล : https://www.mitsurma.com/what-is-phev-car/
https://evdrivehub.com/article/The-difference-between-hybrid-vehicles-and-electric-vehicles