Chat with us!
Facebook
Instagram

Mitsu RMA

Mitsu RMA

ทำความรู้จักรถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท ต่างกันอย่างไร?

ทำความรู้จักรถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท ต่างกันอย่างไร?

ทำความรู้จักรถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท ต่างกันอย่างไร?

จากกระแสความนิยม การใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV (Electric Vehicle) ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในไทย วัดได้จากยอดจดทะเบียนสะสมที่สูงกว่า 5 แสนคัน ทั้งเหตุผลด้านความประหยัด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงเทคโนโลยี และสมรรถนะการขับขี่ ที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถยนต์ EV กลายเป็นตัวเลือก ที่ผู้ขับขี่ให้ความสนใจ แต่ทราบกันหรือไม่ว่า รถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท ซึ่งแต่ละแบบมีระบบการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ครั้งนี้เราจึงจะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับรถ EV แบบเจาะลึกให้มากยิ่งขึ้น

รถยนต์ไฟฟ้า ถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

  1. รถยนต์ไฮบริด (HEV, Hybrid electric vehicle)
  2. รถยนต์ไฮบริดปลั๊กอิน (PHEV, Plug-in Hybrid Electric Vehicle)
  3. รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV, Battery Electric Vehicle)
  4. รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV, Fuel Cell Electric Vehicle) 

1. รถยนต์ไฮบริด หรือ รถ HEV (Hybrid electric vehicle)

1. รถยนต์ไฮบริด หรือ รถ HEV (Hybrid electric vehicle)

รถยนต์ไฮบริด แปลความหมายได้แบบตรงตัว คือเป็นการผสมผสาน ระหว่างเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เข้าไว้ด้วยกัน ส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันแบบ 100% และลดการปล่อยมลพิษ แต่รถยนต์ระบบนี้ จะไม่มีตัวเสียบชาร์จพลังงาน เหมือนรถยนต์ไฟฟ้าปกติ โดยระหว่างที่รถขับเคลื่อนไป ระบบจะสะสมพลังงาน และนำไปแปลงเป็นระบบไฟฟ้า เก็บในแบตเตอรี่นั่นเอง

ข้อดีของรถยนต์ไฮบริด

  • ไม่ต้องชาร์จไฟฟ้า ไม่ต้องหาสถานีชาร์จ จึงช่วยประหยัดเวลา
  • ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูง
  • ลดปล่อยไอเสียจากท่อไอเสียต่ำ 

แนะนำรถยนต์ไฮบริด HEV “มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ใหม่ (New Mitsubishi Xpander HEV)”

New Mitsubishi Xpander HEV ผนึกการทำงานของ 3 สุดยอดเทคโนโลยี ด้วยขุมพลังไฮบริดผสานการทำงานของเครื่องยนต์ 1.6L MIVEC และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง  ให้อัตราเร่งดี ขับขี่นุ่มนวล ไร้เสียงรบกวน มาพร้อม 7 DRIVE MODE พร้อมทะยานทุกเส้นทาง และมั่นใจในทุกโค้งด้วย AYC สร้างสุนทรียภาพขับขี่ตลอดการเดินทาง พร้อมทั้งอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ต พรีเมียม เพิ่มมิติด้วย ADVANCED DYNAMIC SHIELD อันเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมห้องโดยสารกว้างขวาง ด้วยเบาะ 7 ที่นั่ง ปรับพับได้หลากหลายรูปแบบ สามารถจัดสรรพื้นที่ได้ตามต้องการ รองรับทุกกิจกรรม ทุกไลฟ์สไตล์

  • New Mitsubishi Xpander HEV ราคาเริ่มต้น 912,000 บาท (จากราคาปกติ 933,000 บาท)*
  • New Mitsubishi Xpander Cross HEV ราคาเริ่มต้น 946,000 บาท (จากราคาปกติ 961,000 บาท)*

2. รถยนต์ไฮบริดปลั๊กอิน หรือ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle)

รถยนต์ไฮบริดปลั๊กอิน ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากรถยนต์ไฮบริด โดยเป็นการผสมผสาน ระหว่างเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้เชื้อเพลิง และพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ รูปแบบการทำงานยังคงเหมือนกับ รถยนต์ไฮบริด แต่จะมีการเพิ่มระบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟ หรือ plug-in เพื่อให้สามารถเสียบชาร์จไฟฟ้าได้ โดยใช้เต้ารับติดผนัง หรืออุปกรณ์ชาร์จนั่นเอง ซึ่งการอัดประจุไฟฟ้าจากภายนอก และนำมาเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ จะส่งผลให้รถยนต์ PHEV วิ่งได้ระยะทางไกลกว่ารถยนต์ HEV

ข้อดีของรถยนต์ไฮบริด 

  • ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
  • สามารถเสียบชาร์จไฟฟ้า
  • วิ่งได้ระยะทางไกลกว่ารถยนต์ไฮบริด 

แนะนำรถยนต์ PHEV “มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ใหม่ (New Mitsubishi Outlander PHEV)”

New Mitsubishi Outlander PHEV ผสานการทำงานระหว่าง มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร​  ด้วยกำลังสูงสุด 305 แรงม้า​ เมื่อชาร์จไฟรถยนต์จนเต็ม สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้า 100% ได้ไกลถึง 55 กม. และเมื่อผสาน 2 พลังงาน จากไฟฟ้าและน้ำมัน จะให้ระยะทางวิ่งรวมได้ไกลยิ่งขึ้น ประหยัด ให้ความมั่นใจตลอดการขับขี่ มาพร้อมห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมเบาะที่โอบแนบตัวนั่งสบาย และดีไซน์ Diamond Quilting Design เรียบหรู  ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,640,000 บาท 

3. รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ หรือ BEV (Battery Electric Vehicle)

 รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% และใช้พลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้า ที่มาจากการเสียบปลั๊ก ชาร์จไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ไม่มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ไม่มีการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ จึงไม่มีการปล่อยมลพิษทางอากาศ และควันจากท่อไอเสีย โดยการชาร์จไฟฟ้า ระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับ ชนิดของหัวชาร์จและรุ่นรถยนต์ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 6 – 8 ชั่วโมง หากแบตเตอรี่เต็ม จะสามารถวิ่งได้ในระยะทาง 300 – 500 กิโลเมตร ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งในไทยและต่างประเทศ ด้วยเหตุผลของความคุ้มค่า ประหยัดค่าใช้จ่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั่นเอง 

ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ 

  • ไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 
  • ประหยัดพลังงาน และค่าใช้จ่าย เพราะไม่ต้องเติมน้ำมัน
  • ลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ 

4. รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง หรือ FCEV (Fuel Cell Electric Vehicle)

รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง ขับเคลื่อนด้วยการใช้พลังงาน จากไฮโดรเจน โดยจะส่งไฮโดรเจนเหลว และอากาศ เข้ามาสู่แผงวงจร เก็บพลังงานไว้ในแบตเตอรี่  ทำให้มีประสิทธิภาพ มากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลง ไม่ปล่อยไอเสีย ลดมลพิษทางอากาศ จึงได้รับการผลักดัน ให้เป็นนวัตกรรมยานยนต์ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในฐานะพลังงานสะอาดแห่งอนาคต แต่การพัฒนาก็ยังมีข้อจำกัด เนื่องจากสถานีเชื้อเพลิงไฮโดรเจน มีจำนวนน้อยมาก ทำให้ในปัจจุบัน รถยนต์ประเภทนี้ ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก และยังไม่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย

ข้อดีของรถยนต์ไฮบริด 

  • ไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลง
  • ไม่ปล่อยมลพิษจากท่อไอเสีย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • ประหยัดค่าบำรุงรักษา และเวลาในการชาร์จ


ขอบคุณข้อมูล : https://evat.or.th/ ,https://afdc.energy.gov ,กรมการขนส่งทางบก 

0
    ตะกร้าสินค้า
    ตะกร้าสินค้าว่างเปล่ากลับสู่ร้านค้า