8 ข้อเลือกซื้อรถมือสอง อยากได้ของดี ต้องเลือกให้เป็น
ไม่ว่าจะเป็นยุคไหน “รถมือสอง” ก็ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมของคนอยากมีรถขับ แต่ข้อดีเรื่องราคาที่คุ้มค่า ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงเรื่องสภาพการใช้งาน ถึงภายนอกจะดูใหม่เอี่ยม เลขไมล์ไม่มาก อาจไม่ได้การันตีว่าจะไม่เจอปัญหาในระยะยาว เราจึงมีคำแนะนำดี ๆ มาฝาก ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถมือสองสักคัน รับรองว่าจะช่วยให้คุณเลือกรถมือสองที่ถูกใจและวิ่งได้ยาว ๆ อย่างแน่นอน
1. ตั้งงบประมาณให้เหมาะสม
สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง คืองบประมาณในการซื้อรถมือสอง ควรตั้งงบที่เหมาะสมกับสถานะทางการเงินของผู้ซื้อ จะเป็นการผ่อนกับสถาบันการเงิน หรือจ่ายสดทั้งหมด โดยหากเลือกเป็นการผ่อนรายเดือน ต้องคำนวณยอดผ่อนที่สามารถจ่ายได้แบบไม่เดือดร้อน เพราะนอกเหนือจากค่าผ่อนรถแล้ว ก็ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน ค่าภาษี พ.ร.บ. ค่าประกัน ฯลฯ
อีกทั้งการตั้งงบประมาณ ก็ยังช่วยคัดกรองรถยนต์ในท้องตลาดที่มีจำนวนมหาศาล ให้แคบลงมาได้อีกด้วย
2. หาข้อมูลของรถมือสองรุ่นที่ต้องการซื้อให้มากที่สุด
อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจเพียงเพราะถูกใจ! ก่อนไปดูสภาพรถจริง ควรจะหาข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นที่ต้องการซื้อให้ได้มากที่สุด ยิ่งในยุคปัจจุบันการเข้าถึงข้อมูลทำได้ง่ายมาก เพียงแค่ค้นหาในกูเกิลก็ได้รับข้อมูลมหาศาลในพริบตา ไหนจะเว็บบอร์ดต่าง ๆ ที่สามารถอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริง เพื่อนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจ
3. “รถบ้าน” หรือ “รถเต้นท์” ต้องเลือกให้ตอบโจทย์
รถมือสองที่เรียกว่า “รถบ้าน” ความหมายเข้าใจง่าย ๆ ก็คือรถที่เจ้าของใช้งานเองและนำมาประกาศขายเอง จึงเป็นการซื้อขายโดยตรง ระหว่างเจ้าของรถกับผู้ซื้อ หากเป็นคนคุ้นเคยก็อาจจะได้ทราบประวัติรถ ที่ตรงไปตรงมา ไม่หมกเม็ด หรืออาจจะซื้อได้ในราคาพิเศษ โดยส่วนมากรถประเภทนี้ จะขายตามสภาพจริง และไม่มีการรับประกัน รวมทั้งผู้ซื้อต้องจ่ายเป็นเงินสดทั้งหมด หรือต้องเป็นคนดำเนินการหาแหล่งเงินกู้เอง
ส่วน “รถเต้นท์” คือการขายผ่านคนกลาง เป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย วัดจากเต้นท์รถที่เปิดอยู่มากมาย มีตั้งแต่เต้นท์รถผ้าใบธรรมดา ไปถึงจนถึงโชว์รูมรถมือสองที่ตกแต่งหรูหรา ความได้เปรียบของการซื้อรถมือสองจากเต้นท์ คือความสะดวกสบาย มีรถให้เลือกหลากหลายรุ่น หลายปี หรืออาจจะหลายคัน ความสะดวกเรื่องการประสานงานกับแหล่งเงินกู้ ซึ่งมักจะได้รับการอนุมัติที่รวดเร็ว รวมไปถึงการรับประกัน และบริการหลังการขาย ซึ่งถือเป็นจุดขายที่ดึงดูดความสนใจจากผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี
4. ตรวจสอบและเปรียบเทียบราคารถในท้องตลาด
ก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสอง ควรตรวจสอบและเปรียบเทียบราคารถยนต์ รุ่นที่ต้องการ ทั้งมือหนึ่งและมือสอง ในท้องตลาดเสียก่อน โดยเฉพาะรถที่มีอายุการใช้งานค่อนข้างมาก หรือเกิน 10 ปีขึ้นไป เพื่อไม่ให้พลาด จ่ายเงินมากกว่าความเป็นจริงนั่นเอง
5. ตรวจสอบสภาพรถทุกซอกมุม ทั้งภายนอกและภายใน
ขั้นตอนนี้ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญส่วนบุคคล เพื่อตรวจสอบว่ารถมือสองคันที่หมายตา เคยผ่านอะไรมาบ้าง เป็นสีเดิมหรือทำมาใหม่ เคยชนหนักมาก่อนไหม ควรเช็กที่จุดเชื่อมตัวถังว่ามีความผิดปกติหรือไม่ โดยเลขตัวถังจะต้องตรงกับเล่มทะเบียน ไม่ควรมีรอยเชื่อม รถยนต์บางยี่ห้อหรือบางรุ่น ยังระบุข้อมูลของรุ่นปีและสเปกจากโรงงานอีกด้วย หากพบว่ามีรอยขันน็อตหรือซ่อมแซม ก็อาจสันนิษฐานได้ว่ารถคันนี้ เคยผ่านการชนหนักมาก่อน ควรหลีกเลี่ยงที่จะซื้อเพราะอาจจะใช้งานได้ไม่นาน หรือซื้อมาแล้วต้องซ่อมแซมบ่อย ๆ ได้
เช็กสภาพภายนอกครบทุกจุดแล้ว ต่อไปก็ต้องตรวจสอบสภาพภายในรถให้ละเอียดไม่แพ้กัน ดูว่าระบบไฟฟ้าภายในรถ ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ เช็กความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ว่ามีจุดไหนที่ชำรุดไหม ขอบยางประตู พวงมาลัย แผงคอนโซล เบาะ แอร์ กระจกมองหน้าและข้าง ประตู ฯลฯ
โดยรวมแล้วความสมบูรณ์ของห้องโดยสาร ควรจะต้องสัมพันธ์กับเลขไมล์ หากอยู่ในสภาพทรุดโทรมหรือดูใหม่ ไม่สอดคล้องกับเลขไมล์จริงค่อนข้างมาก สามารถตั้งข้อสงสัยได้ว่า อาจมีการปรับเลขไมล์ อีกสิ่งที่ไม่ควรลืมคือคราบสนิม เพราะอาจจะเป็นร่องรอยจากการโดนน้ำท่วมหนักมานั่นเอง
ลิสต์ที่ควรตรวจสอบ
- เครื่องเล่นวิทยุ / เครื่องเล่นแผ่นซีดี / หน้าจอสัมผัส
- ระบบไฟสูง ไฟต่ำ ไฟตัดหมอก ไฟฉุกเฉิน
- ฝากระโปรงหน้า / กระโปรงท้ายรถ
- ไฟแสดงสถานะบนแผงควบคุม
- สวิตช์กระจกไฟฟ้า
- ที่จับประตูรถ
- เข็มขัดนิรภัย
- ที่ปรับระดับที่นั่ง
- กระจกมองข้าง
- แอร์รถ
- แตรรถ
ในขั้นตอนนี้ หากคุณไม่มีความรู้เรื่องรถยนต์เลย หรือไม่มั่นใจ แนะนำให้พาผู้เชี่ยวชาญที่รู้จัก หรืออาจจะลงทุนจ้างมาให้ช่วยตรวจสอบได้ เพื่อเพิ่มความอุ่นใจว่าจะไม่โดนย้อมแมวหรือถูกหลอกขาย
6. ทดลองขับจริง
เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว ขั้นต่อไปก็ถึงเวลาได้สัมผัสกับรถจริง นอกจากตรวจสอบความสมบูรณ์ภายนอกแล้ว การทดลองขับก็ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก สำหรับรถมือสอง เพราะสามารถจับความผิดปกติของรถได้ ทั้งเครื่องยนต์ ช่วงล่าง เกียร์ ระบบการใช้งานต่าง ๆ ในรถ จะต้องไม่มีเสียงหรือการตอบสนองที่ผิดไปจากปกติ ซึ่งหากรถอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ แม้จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ก็สามารถสังเกตพบได้อย่างแน่นอนจากการทดลองขับจริง ดังนั้นควรเลือกซื้อรถยนต์มือสองกับผู้ขายที่สามารถทดลองขับได้จึงเป็นจะดีที่สุด
7. ตรวจสอบประวัติรถ
วิธีเช็กประวัติที่ทำได้ง่ายที่สุด คือดูจากเล่มทะเบียนจริง เพราะจะแสดงข้อมูลสำคัญ ๆ เกี่ยวกับรถ ตั้งแต่จำนวนผู้ครอบครองรถ ว่าเปลี่ยนมือมากี่คนแล้ว แสดงประวัติการซ่อมบำรุง หากมีการเปลี่ยนเครื่องหรือเคยติดแก๊ส ที่สำคัญเลขตัวถังรถยนต์คันที่ต้องการจะซื้อต้องตรงกับตัวเล่มทะเบียนเท่านั้น
ข้อมูลเกี่ยวกับรถที่สามารถตรวจสอบได้จากเล่มทะเบียนรถยนต์
- รายชื่อผู้ถือครองรถ และลำดับการเปลี่ยนมือ
- รุ่นรถ ปีผลิตและปีจดทะเบียน เลขเครื่อง เลขตัวถัง
- วัน/เดือน/ปี ที่จดทะเบียน
- สีรถยนต์ที่แจ้งต่อกรมขนส่งทางบก
- เลขตัวถัง และ เลขเครื่องยนต์
- การเปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือ ติดแก๊ส
- ประวัติการเปลี่ยนสี/การซ่อมบำรุง/การดัดแปลง
8. ซื้อรถมือสองกับผู้ขายที่น่าเชื่อถือ
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหลังการซื้อ หรือการถูกโกง ควรซื้อรถจากผู้ขายที่น่าเชื่อถือ เป็นบริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หรือตัวแทนจำหน่ายที่ถูกแต่งตั้งจากบริษัทรถยนต์ ที่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่ารถที่ทำการซื้อขาย เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมไปถึงการประกันหลังการขายกรณีเกิดปัญหากับรถมือสองที่ซื้อไปในภายหลัง
รถมือสองแม้จะถูกกว่ารถมือหนึ่งมาก แต่ก็ยังเป็นเงินก้อนโตอยู่ดี ดังนั้นการจะเลือกซื้อมาใช้สักคัน ก็ต้องผ่านการตัดสินใจที่รอบคอบ ตอบโจทย์ความคุ้มค่า ทั้งเรื่องราคาและคุณภาพ เราหวังว่าคำแนะนำทั้งหมดที่นำมาฝากจะเป็นประโยชน์ สำหรับคนที่อยากเป็นเจ้าของรถมือสองทุกคน
ยินดีให้บริการ
